Last updated: 24 ต.ค. 2562 |
วันที่ 21 ตุลาคม 2562 - 13:20 น.
เอเลเวทเต็ด เอสเตท ผนึกพันธมิตรผุด “กัญชาเอ็กซ์โป 2019” ขึ้นครั้งแรกในไทย 18 พ.ย.นี้ ดึงท็อป 5 ผู้ผลิตกัญชาโลก BEDROCAN-Dutch Passion-Pistilpoint-Arcview Group อัพเดตเทรนด์ตลาด-กฎระเบียบการค้าโลก โอกาสทำตลาด ตั้งเป้าดันยอดค้า6 ปี ทะลุ 20,000 ล้านบาท
นางช่อขวัญ คิตตี้ ช่อผกา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท เอเลเวทเต็ด เอสเตท จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากประเทศไทยได้มีการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมาให้สารสกัด CBD จากพืชกัญชงเป็นสารที่ได้รับการอนุญาตให้สามารถผลิตทางการแพทย์สามารถใช้ในทางการค้าได้ ทางบริษัทร่วมกับพันธมิตรเตรียมจัดงาน Elevating Cannabis Expo 2019 : Asia”s Green Rush ซึ่งเป็นการสัมมนาทางวิชาการและกัญชาเอ็กซ์โป 2019 ขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นการจัดงานครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้ดึงตัวแทนผู้ผลิตกัญชาจากทั่วโลกมาเข้าร่วมงานประมาณ 1,000 คน
“หลังจากกฎหมายผ่านมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการปลูก การผลิตสารสกัดกัญชาทางการแพทย์อย่างมาก และไทยยังขาดข้อมูลเรื่องนี้อย่างรอบด้าน การดึงงานนี้เข้ามาจัดในประเทศไทยเป็นครั้งแรกจะช่วยให้ทราบว่าถ้าจะทำธุรกิจด้านนี้จริง ๆ จะต้องทำอะไรอย่างไร ตลาดกัญชาทั่วโลกและเทรนด์การค้าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชาทั่วโลกเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่สินค้ากัญชา แต่ยังมีพวกอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในไทยที่มีการจัดงานในลักษณะเอ็กซ์โป นำสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านการผลิตมาแสดงก่อนที่จะตัดสินใจว่าหากจะก้าวกระโดดลงไปในตลาด green rush ต้องทำอย่างไรบ้าง”
ทั้งนี้ ในเวทีสัมมนามีตัวแทนจาก 28 องค์กรที่สำคัญเข้าร่วม เช่น เอกชนรายใหญ่ระดับท็อป 5 จากทั่วโลก เช่น กลุ่มสหภาพยุโรปมี BEDROCAN ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารสกัดกัญชาทางเภสัชกรรมที่ใหญ่ที่สุดจากอัมสเตอร์ดัม และ Dutch Passion ซึ่งเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชาจากอัมสเตอร์ดัม ขณะที่ฝั่งสหรัฐ Pistilpoint ผู้ผลิตจากสหรัฐ ซึ่งเป็นรายที่มีโรงเรือนขนาดใหญ่ที่โอเรกอน และ Arcview Group ซึ่งเป็นกองทุนด้านกัญชาจากสหรัฐ เป็นต้น และแคนาดาซึ่งเป็นเบอร์ 1 กัญชาโลกก็จะมีตัวแทนมาร่วมงานนี้ด้วย ส่วนในไทยจะมีตัวแทนจากอภัยภูเบศร และในกลุ่มประเทศอาเซียนจะมีการจัดสัมมนากลุ่มอาเซียนพาเนล ซึ่งจะมีตัวแทนจากฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย มาร่วมอัพเดตข้อมูลทั้งด้านการผลิตและกฎหมายในแต่ละประเทศด้วย
ขอขอบคุณภาพจาก: prachachat.net
พร้อมกันนี้ ภายในงานนี้จะมีข้อมูลสำหรับสตาร์ตอัพที่สนใจลงทุนในธุรกิจนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรเอ็กซ์พาร่า จัดตั้งกองทุนสตาร์ตอัพ (venture capital) ชื่อ Expara Cannabis Tech Fund ซึ่งมีวงเงินตั้งต้นประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งเสริมการลงทุนของสตาร์ตอัพที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านกัญชา รวมถึงการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาด้านนี้
“เราต้องการให้มีสตาร์ตอัพที่มีไอเดียและมีเทคโนโลยี นวัตกรรมเกี่ยวกับกัญชามากขึ้น จึงได้ร่วมกันพัฒนากองทุนนี้ขึ้นมา โดยเอ็กซ์พาร่าเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งตอนนี้มีสตาร์ตอัพที่สนใจเข้าร่วมประมาณ 10 รายแล้ว และภายในงานนี้จะมีการจัดพิตชิ่งด้วย”
นางช่อขวัญกล่าวว่า ไทยมีโอกาสที่จะขยายตลาดผลิตภัณฑ์กัญชา เพราะในปัจจุบันตลาดกัญชาทั่วโลกปี 2018 มีมูลค่า 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 66,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใน 5 ปี หรือในปี 2025 ขณะที่ในประเทศไทยก็มีการคาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดเป็นประมาณ 661 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 หรือ 20,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ไทยต้องศึกษาเทรนด์ตลาดกัญชาโลกอย่างรอบด้าน ตลาดนี้เปิดกว้างมาก โดยมีหลายประเทศที่มีกฎหมายอนุญาตให้ปลูกและพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาแล้วทั่วโลกนับ 10 ประเทศ เช่น แคนาดา เป็นเบอร์ 1 สหรัฐ โคลอมเบีย สหภาพยุโรปหลายประเทศ อังกฤษให้เฉพาะรัฐบาลเป็นผู้ปลูก สเปน สวิตเซอร์แลนด์ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ส่วนจาเมกากำลังจะส่งออก เป็นต้น
“การพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชานั้นต้องขอให้ภาครัฐช่วยหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องการออกกฎระเบียบให้รวดเร็ว ตอนนี้เอกชนรอกฎหมายและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการ รวมถึงการส่งเสริมด้านเงินทุน เช่น กองทุนต่าง ๆ เพราะกัญชาจะเป็นพืชที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นด้วย เช่น อาหาร ยา บุหรี่ และแอลกอฮอล์ ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้ข้อมูลภาพรวมของเราก่อน จากนั้นขยายวงไปอาเซียนและโกลบอล”
อ้างอิง: https://www.prachachat.net/economy/news-382530