ทั่วโลกตื่น "กัญชา" เตรียมผสมในเบียร์-เครื่องดื่มสุขภาพ

Last updated: 13 พ.ค. 2562  | 

 

ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นเลย สำหรับกระแส “กัญชา” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า มาลีฮวนน่า (Maleehuana) โดยเฉพาะเรื่องของประโยชน์ที่นำมาใช้ในทางการแพทย์ งานวิจัยเรื่องกัญชาโดยวิทยาลัยแพทย์เวอร์จิเนีย รายงานผลการศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1974 โดยค้นพบว่า สาร THC (Tetrahydrocannabinol) หรือเตตราไฮโดรแคนนาบินอล ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ที่อยู่ในกัญชาเมื่อมีการแปรรูปในแบบที่มีความเข้มข้นสูง เช่น นำมาสกัดเป็นน้ำมัน สามารถที่จะโจมตีเซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายของคนเราได้ เช่นเดียวกับการเสริมสร้างและฟื้นฟูเซลล์ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น

 

ซึ่งวงการแพทย์ทั่วโลกยอมรับว่า นี่คือ...แนวทางการรักษาที่ถูกต้องสำหรับโรคมะเร็งหลากหลายแบบในร่างกายของมนุษย์ ที่ให้ผลข้างเคียงน้อยกว่าการให้เคมีบำบัด หรือคีโม (Chemo)

ก่อนหน้านี้ เด็กชายเลียมวัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยเป็น โรคดราเว็ตซินโดรม หรือ ลมชักรุนแรง มีอาการดีขึ้น หลังจากพ่อแม่ของเขาตัดสินใจให้แพทย์ใช้น้ำมันที่สกัดจากกัญชารักษาโรค

แมนดี้ แม็คไนต์ แม่ของเลียมเล่าว่า ก่อนหน้านี้ ลูกชายของเธอมีอาการชักประมาณ 2-3 นาที ในทุกๆ 5 นาที จนกระทั่งไม่สามารถรับประทานอาหาร หรือไปโรงเรียนได้ พ่อแม่ของเลียมได้พยายามรักษาลูกชายหลากหลายวิธี แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้พบกับแพทย์ที่ยอมใช้กัญชารักษาโรคลมชักของเลียม ทำให้เขามีอาการดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ
เช่นเดียวกับกรณีของ Mykayla เด็กหญิงที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน ซึ่งสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม่ของ Mykayla ตัดสินใจใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาเธอหลังจากพยายามรักษาด้วยเคมีบำบัดแต่ไม่ได้ผล และมันเป็นเรื่องอัศจรรย์ตรงที่หลังจากที่ได้รับน้ำมันกัญชาหนูน้อยมีอาการดีขึ้น ฟื้นตัวจากมะเร็ง ผลจากการสเมียร์เลือดหรือที่เรียกว่า Blood smear มีค่ามะเร็งเป็นศูนย์

นอกจากสาร THC แล้ว ในกัญชายังมีส่วนผสมของสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่ง องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า สาร CBD (Cannabidiol) ในกัญชา ไม่เพียงใช้รักษามะเร็งได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้บำบัดอาการโรคลมชัก อัลไซเมอร์ และพาร์กินสันได้ด้วย

 



แม้จะยังไม่มีการพูดถึงอย่างจำเพาะเจาะจงลงไปว่า กัญชาสามารถที่จะรักษาโรคอะไรได้บ้าง แต่ก็มีนักวิชาการได้พยายามสรุปถึงประโยชน์ของสารบางอย่างในกัญชา ที่มีการนำมาใช้ทางการแพทย์รวมทั้งงานวิจัยที่น่าสนใจ เช่น ยา Cannabinoid THC ใช้รักษาอาการสภาวะหดเกร็ง ความเจ็บปวด รักษาโรคสมาธิสั้น อาการเครียดหลังจากเหตุการณ์ สะเทือนใจ ภาวะนอนไม่หลับ รวมทั้งการนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในการบำบัดรักษา อาการจิตเวช และระบบประสาท และรักษาอาการไม่อยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็ง

ปัจจุบันในหลายประเทศยอมให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ เช่น แคนาดา อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ และบางรัฐในสหรัฐอเมริกา

การเติบโตของการใช้กัญชาในบางประเทศ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อาทิ ในแคนาดามีโรงงานที่ปลูกและผลิตสารสกัดจากกัญชาทั่วประเทศประมาณ 13 แห่ง โรงงานเหล่านี้ส่งกัญชาออกจำหน่ายทั้งในรูปแบบกัญชาอบแห้งและกัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ บริษัท Canopy Growth Corporation เป็นบริษัทผลิตกัญชารายใหญ่ ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแคนาดา ในปี 2559 บริษัทมีมูลค่า 4,595 ล้านบาท ต่อมาในปี 2560 มูลค่าเพิ่มเป็น 22,728 ล้านบาท และในปี 2561 นี้ มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 153,960 ล้านบาท

ทั้งนี้ แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการใช้กัญชาสูงที่สุดในโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาวมีการประเมินว่า ในปี 2017 ปีเดียว ชาวแคนาดาใช้จ่ายราว 5,700 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 143,000 ล้านบาท สำหรับการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการและการแพทย์รวมกัน


มีการคาดการณ์ว่า ในอนาคตการเติบโตของตลาดกัญชาจะเพิ่มมากขึ้นทั้งในยุโรป อเมริกาและเอเชีย โดยล่าสุด โคคา-โคลา กำลังเตรียมที่อาจจะนำสาร CBD ซึ่งเป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท มาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (functional wellness beverages) มากขึ้น โดยหารือกับออโรรา แคนนาบิส์ (Aurora Cannabis) ผู้ผลิตที่มีใบอนุญาตในแคนาดา เกี่ยวกับการพัฒนาเครื่องดื่มผสมกลิ่นกัญชาแล้ว ส่วนคอนสเตลเลชั่น แบรนด์ส (Constellation Brands) เจ้าของเบียร์โคโรน่า กำลังลงทุนกับแคโนพี โกรว์ธ (Canopy Growth) ในการผลิตเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่ทำจากกัญชา เพื่อทำกำไรจากความต้องการกัญชาที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น

ส่วนในออสเตรเลียสถานีโทรทัศน์เอบีซีของออสเตรเลีย รายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียมีเป้าหมายจะเป็นผู้ส่งออกกัญชา ทางการแพทย์อันดับ 1 ของโลกภายในเร็วๆนี้ หลังมีการประกาศให้การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เป็นเรื่องถูกกฎหมายในปี 2559 โดยการส่งออกของออสเตรเลียจะครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะผลิตจากกัญชา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันกัญชา แผ่นแปะ สเปรย์ ยาอม และยาเม็ด ฯลฯ

สำหรับประเทศไทยขณะนี้ กฎหมายได้ปลดล็อกกัญชาให้สามารถใช้ในทางการแพทย์ได้ โดยระบุสรรพคุณการใช้ได้เพียง 4 โรค คือ มะเร็ง, โรคลมชักในเด็ก, ปลายประสาทอักเสบและแก้ปวด

และแม้จะมีการใช้กัญชาในการรักษา โรคได้ แต่อีกด้านหนึ่งกัญชาก็มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ หากมีการนำมาใช้ในทาง ที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบกัญชาอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ไอเรื้อรัง, หลอดลมอักเสบ การสูบกัญชาอาจมีผลเป็นมะเร็งจากสารก่อมะเร็ง ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด โดยกัญชาอาจจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและมีความสัมพันธ์กับผลไม่พึงประสงค์ เช่น โรคหลอดเลือดสมองและภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน รวมทั้งผลต่อความผิดปกติของจิต เชาว์ปัญญาด้วย

 

ที่มา : www.thairath.co.th/lifestyle/woman/health

 

 

ไม่พลาดทุกข่าวสารสำคัญ เพียงแค่กดเป็นเพื่อน LINE @CANNHEALTH

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้